วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอพาน

1. พระธาตุจอมแว่


ประวัติพระธาตุจอมแว่ 
      ตามตำนานได้กล่าวไว้ว่า พระธาตุจอมแว่ ได้สร้างขึ้นโดยพญางำเมือง เจ้าเมืองภูกามยาว (พะเยาในราว .๖๕๖ (.๑๘๓๗โดยที่พระองค์ได้เสด็จขึ้นดอยซางคำ (ชื่อเดิมของดอยจอมแว่เพื่อตรวจดูอาณาเขตบ้านเมืองของพระองค์ว่ามีไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ว่าอยู่ตรงไหนบ้าง จากนั้นจึงเสด็จไปยังดอยอีกลูกหนึ่งซึ่งอยู่ตอนเหนือของลำน้ำแม่คาวด้วน และเสด็จเลียบต้นดอยด้วน (ดอยงามแล้วเสด็จไปยังเมืองภูกามยาว เมื่อพระองค์เสด็จถึงเมืองภูกามยาวใน เดือน  ปีเดียวกัน จึงโปรดให้ขันฑเสนามาตย์ นำผู้ที่มีความรู้ในการก่อสร้างเจดีย์ พร้อมกับไพร่ฟ้าปลายแดน มาลงแรงช่วยกันสร้างพระธาตุจอมแว่ขึ้นที่ดอยซางคำ โดยได้ก่อทับรอยฟานเอาไว้ บรรจุพระเกศาธาตุ และแก้วแหวนเงินทองเอาไว้ สร้างเสร็จสมบูรณ์ในเดือน  จึงได้มีพิธีการเฉลิมฉลองสมโภชพระเจดีย์เป็นเวลา  วัน  คืน ในสมัยเจ้าเมืององค์ต่อมา บ้านเมืองอยู่ในสภาวะไม่สงบสุขประชาชนจึงได้อพยพไปอยู่ที่อื่น ทำให้พระธาตุจอมแว่ทรุดโทรมปรักหักพังจากภัยธรรมชาติ จนในปี .๑๑๙๙ (.๒๓๘o ) พระยาหาญเจ้าเมืองพานคนแรกจึงได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่จากซากเดิม จนในสมัยพญาไชยชนะสงคราม เจ้าเมืองพานคนที่  ได้ร่วมศรัทธา  หมู่ ร่วมกันบูรณะพระธาตุขึ้นมาใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิม แล้วบรรจุพระมหาชินธาตุเอาไว้มีประเพณีสรงน้ำพระธาตุในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน  เหนือ

บันใดของวัดพระธาตุจอมแว่ ซึ่งบันไดทางขึ้นนี้จะอยู่หน้าวัดดอนตัน คนละทางกับทางรถขึ้น


         ระหว่างทางขึ้นจะเห็นพระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอนอยู่บนยอดเขาทางขึ้นขวามือ  สามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ของอำเภอพานได้
พระธาตุจอมแว่  เป็นหนึ่งในโครงการทัวร์อิ่มบุญ 9 วัด ของจังหวัดเชียงราย
ภายในพระวิหาร

ด้านหน้าวัดจะเป็นจุดชมวิวตัวเมืองพาน ซึ่งจะมีพระพุทธจอมเกศ เป็นพระพุทธรูปปางประทานพร ที่กำลังก่อสร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9



ข้อมูลติดต่อ : วัดพระธาตุจอมแว่ ตำบลเมืองพาน อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย
                      โทร. o -๕๓๗๒- ๑๘๒๑ มีพระครูพิมล พิพัฒนคุณเป็นเจ้าอาวาส

การเดินทาง : เดินทางจากเชียงราย เลี้ยวขวาเข้าถนนสายในตัวอำเภอพาน ตรงแยกวัดไชยมงคล เข้าไปประมาณ 300 เมตรจะพบทางเข้าพระธาตุจอมแว่ฝั่งขวามือ สามารถขับรถได้ถึงลานจอดบนวัด หรือใครจะเดินขึ้นบันได ขับรถเลยไปอีกหน่อย จะมีป้ายบอกทางขึ้นวัดเหมือนกัน



2. ถ้ำผาโขง


        ถ้ำผาโขง มีประวัติความเป็นมานับตั้งแต่หนึ่งพันกว่าปีหรืออาจจะมากกว่ากว่านั้นยังพิสูจน์ให้แน่ชัดยังไม่ได้ ถูกค้นพบจากชาวนาที่เข้าไปหาของป่าแล้วพบถ้ำสวยงามมากจึงเห็นว่าแปลกดีจึงเข้าไปดูข้างในกลับปรากฏว่าถ้ำมีทางผ่านทะลุไปยังอีกฟากหนึ่งได้ และยังมีน้ำที่ไหลลงมาจากยอดดอยไหลผ่านและได้พบเห็นพันธุ์ไม้หายากต่างๆ มากมายจงได้นำข้อมูลมาเล่าต่อให้กันฟังและถ้ำนี้ก็ได้เป็นที่รู้จักกันเรื่อยมาจนในที่สุดได้ไปแจ้งให้นักพิสูจน์ประวัติศาสตร์มาดู และได้รวมใจกันชื่อถ้ำนี้ว่า ถ้ำผาโขง เพราะถ้ำมีหน้าผาที่สูงชันและสง่าสวยงามตะการตามากและโขงคือน้ำที่ไหลผ่านออกมาจากยอดดอยตลอดทั้งปีไม่มีวันเหือดแห้งเหมือนดังกลับแม่น้ำโขง จากหนังสือบันทึกกรมพิสูจน์ประวัติศาสตร์และคำบอกเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ได้เล่าสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้


         ถ้ำผาโขง (.พาน .เชียงราย) ตั้งอยู่ที่เขตบริเวณหมู่บ้านปางเกาะทรายหมู่ที่ .ป่าหุ่งห่างออกจากอ.พานประมาณ 15 กม.โดยจะผ่านหลังที่ทำการอ.พานไปทางทิศตะวันตกเป็นพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลป่าหุ่ง และเป็นเขตอนุรักษ์อุทยานแห่งชาติดอยหลวง อยู่ห่างจากที่ทำการอำเภอพานไปทางทิศตะวันตกประมาณ กิโลเมตร เป็นถนนลาดยางและต่อด้วยถนนซีเมนต์ประมาณ 15 กิโลเมตรและถนนลูกรังอีก กิโลเมตร มีลักษณะเป็นแบบถ้ำหินปูนยังมีน้ำไหลผ่านออกมาจากถ้ำตลอดทั้งปี ภายในของถ้ำเป็นโพรงกว้าง มีหินงอก หินย้อยลงมาสวยงามมาก สามารถเดินผ่านและไปเที่ยวได้ถึงหลังถ้ำ สามารถเข้าเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีนักท่องเที่ยวนิยมมาท่องเที่ยวและเก็บภาพเป็นจำนวนมาก โดยจะองค์การบริหารส่วนตำบลป่าหุ่งมีการจัดให้มีร้านอาหาร ห้องน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศอย่างมากมาย


         เอกลักษณ์เฉพาะตัวของถ้ำผาโขง ไม่ว่าจะเป็นความมืดที่แฝงด้วยความสวยงามลึกลับทางธรรมชาติภายในถ้ำ ปากถ้ำผาโขงมีหินเล็กหินน้อยสวยงามมาก มีสายน้ำไหลออกมาตลอดทั้งปี ธรรมชาติบนภูผาที่สวยงาม สายน้ำใสเหมือนสายธาร โขดหินที่ล้อมรอบด้วยสายน้ำ สายน้ำที่ล้อมรอบด้วยโขดหินกว่า 500 ปี ที่แวววาวเหมือนหยาดเพชร โขดหินที่ผุดขึ้นมาตอนน้ำลด จึงทำให้ถ้ำผาโขง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เยี่ยมชมและจดจำของนักท่องเที่ยวเลยทีเดียว






3. ฟาร์มจระเข้โภคธารา และลานแสดงจระเข้


         ฟาร์มจระเข้โภคธาราและลานแสดงจระเข้ ตั้งอยู่เลขที่ 95 บ้านผามวัว หมู่.ม่วงคำ .พาน .เชียงราย โดยคุณธวัชชัย แสนศิริ ผู้เป็นเจ้าของ ริเริ่มบุกเบิกพื้นที่ของตนเองสร้างเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ หลังจากที่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงมานานกว่า 10 ปี เริ่มต้นจากแนวคิดที่ว่า .เชียงรายยังไม่มีคนเลี้ยงจระเข้ และสัตว์ชนิดนี้ทั้งเนื้อและหนังสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้เลี้ยงได้อย่างดี จากการศึกษาจากผู้รู้ พบว่าจระเข้สามารถเลี้ยงให้เจริญเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมบ้านเรา จากนั้นในปี 2548 คุณธวัชชัยจึงได้ซื้อจระเข้พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ มาเลี้ยงเริ่มต้นจาก 10 ตัว พบว่าได้รับความสนใจจากเพื่อนบ้านและคนที่พบเห็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการเลี้ยงและขยายพันธุ์ สัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้
         จระเข้ เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งยังคงดำรงชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบัน มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป ซึ่งส่วนมากจะพิจารณาจากรูปร่างลักษณะ ทั้งจากลักษณะทั้งตัว และความแตกต่างของบางส่วนโดยเฉพาะ เช่น จากรูปร่างของปาก จากเกล็ดบนหัวและคอ ความแตกต่างของฟัน เป็นต้น ลักษณะทั่วไปของจระเข้ทุกประเภทคือ มีปากและหัวยาว รูจมูกและตา ยกสูงอยู่บนหัว คอสั้น ลำตัวยาวกลม มีเกล็ดบนคอและหลัง เกล็ดท้องเป็นแผ่นบาน หางยาวใหญ่และแข็งแรง มีเกล็ดเป็นแผ่นใหญ่ตั้งสูงบนสันหาง หางแบนทางด้านข้าง ขาสั้นทั้งขาหน้าและขาหลัง นิ้วตีนสั้นทั้งตีนหน้าและตีนหลัง ลิ้นไม่สามารถแลบออกจากปากได้ เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ใกล้น้ำ ด้วยลักษณะพิเศษของสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้ที่มีความน่าสนใจ สามารถเยี่ยมชมได้ที่ ฟาร์มจระเข้โภคธารา เป็นฟาร์มจระเข้าแห่งเดียวในเชียงราย ที่สามารถพาบุตรหลาน ญาติ พี่น้อง เข้าเที่ยวในเชิงเกษตร ผสมผสานกับการแสดงจระเข้ มายากล กิจกรรมครอบครัวของเด็กๆ ฯลฯ

         
ฟาร์มจระเข้โภคธาราและลานแสดงจระเข้ ตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 50 ไร่ ท่านจะได้พบกับ บรรดาจระเข้น้ำจืดจำนวนกว่า 800 ตัว แบ่งเป็นบ่อต่างๆ ดังนี้

         1.
บ่อจระเข้พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ - บ่อแห่งนี้จัดให้เป็นบ่อขนาดใหญ่ มีจระเข้อายุตั้งแต่ 8-25 ปีรวมกันอยู่ในบ่อแหล่งนี้ ทางฟาร์มได้สร้างทางเดินที่สามารถมองเห็นและถ่ายรูปจระเข้ได้อย่างชัดเจน ท่านสามารถเดินเที่ยวชมความน่าเกรงขามของจระเข้พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ได้โดยรอบบ่อ ลักษณะเป็นบ่อดินแบบจำลองธรรมชาติที่จระเข้สามารถขึ้นบกและลงน้ำได้ มีระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี

         2. 
บ่อเลี้ยงขุน - เป็นลักษณะบ่อปูน มีทั้งหมด บ่อ แบ่งตามช่วงอายุของจระเข้ตั้งแต่อายุ 1 - 3 ปี ท่านจะได้พบกับความน่ารักของสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้ที่เดินต้วมเตี้ยมอาบแดดกันอย่างเพลิดเพลิน จระเข้อายุตั้งแต่ 1-3 ปีดังกล่าวไม่มีความดุร้าย สามารถเข้าชมแบบชิดขอบบ่อได้อย่างสบาย

         3.
บ่ออนุบาลก่อนจะเป็นจระเข้ขนาดใหญ่ น่าเกรงขาม จระเข้ทุกตัวจะต้องผ่านบ่ออนุบาลแห่งนี้ ท่านจะได้พบกับจระเข้ตัวเล็กๆ และการเลี้ยงดูที่ท่านสามารถสอบถามและศึกษา เรียนรู้ถึงวิวัฒนาการของสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้ได้จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ
         นอกจากนี้ยังจะได้ตื่นตาตื่นใจกับลานแสดงจระเข้ ที่หาชมได้ยาก สนุกสนานและหวาดเสียวกับการแสดงและจับจระเข้ด้วยมือเปล่า มีอัฒจรรย์สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้ชม ร้านแสดงเครื่องหนังจระเข้ ท่านจะได้พบกับงานเครื่องหนังจากจระเข้ต่างๆมากมาย หลายแบบ สามารถเลือกซื้อได้ตามใจชอบในราคาเป็นกันเอง
         ผู้สนใจสามารถเที่ยวชม"จระเข้สัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่นี้ได้ที่ ฟาร์มจระเข้โภคธาราและลานแสดงจระเข้ ตั้งอยู่ เลขที่ 95 บ้านผามวัว หมู่ .ม่วงคำ .พาน .เชียงราย อยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองเชียงราย 43 กิโลเมตร 

การเดินทาง
      จากเชียงราย  ใช้ถนนสายเชียงราย-พาน-พะเยา  เมื่อถึง แยกพาน จะมีถนนทางเข้าติดคลองชลประทานสังเกตุศูนย์รถยนต์สยามนิสสันถนนจะอยู่ติดกันเลย ให้เข้าไปอีก 3.5 กมก็จะถึงฟาร์มจระเข้โภคธารา  หรือไปเป็นกลุ่มคณะ ศึกษาดูงาน ติดต่อคุณธวัชชัย แสนศิริ โทร081-5511746ฟาร์มจระเข้โภคธารา และลานแสดงจระเข้ เปิดทุกวันในเวลาเปิด 09.00-18.00 .
ค่าเข้าชม       - คนไทย  ผู้ใหญ่  50  บาท เด็ก   30 บาท
      - ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท

โปรแกรมการแสดงมายากล และจระเข้าในฟาร์ม

** 
จันทร์ - ศุกร์     วันละ รอบเท่านั้น
    - มายากล            รอบเช้า  10.30 รอบบ่าย 14.00 .
    - การแสดงจระเข้  รอบเช้า  11.30 รอบบ่าย 15.30 .


** 
เสาร์-อาทิตย์ วันละ รอบเท่านั้น
    - มายากล            รอบเช้า 10.30 น. รอบบ่ายเวลา 13.30 น. และ 15.00 .
    - การแสดงจระเข้  รอบเช้า 11.30 น. รอบบ่ายเวลา 14.30 และ 16.00 
.




บ่อจระเข้เล็ก




ในฟาร์มจัดถนนทางเดินต่างๆ ไว้อย่างดี พื้นที่กว้างใหญ่  ส่วนใครที่ไม่ชอบเดินก็มีรถจักรยานให้เช่าตรงประตูทางเข้า





อาคารที่ใช้แสดงจระเข้


ลานมายากล


มุมของเด็กๆ มีที่ระบายสี  ให้อาหารปลา และมีร้านอาหารบริการ


ลานปฏิมากรรม  มีรูปปั้นต่างๆ ในวรรณคดี เช่น พระอภัยมณี  นางยักษ์  สินสมุทร  สุดสาคร ในวรรณคดี และในเทพนิยาย



ฟาร์มแพะ และฟาร์มแกะ



ลานแสดงจระเข้




การเดินทาง : จากเชียงราย ใช้ถนนสายเชียงราย-พาน-พะเยา เมื่อถึง แยกพาน จะมีถนนทางเข้าติดคลองชลประทานสังเกตุศูนย์รถยนต์สยามนิสสันถนนจะอยู่ติดกันเลย ให้เข้าไปอีก 3.5 กมก็จะถึงฟาร์มจระเข้โภคธาราและลานแสดงจระเข้

ข้อมูลติดต่อ : ฟารมจระเข้โภคธารา คุณธวัชชัย แสนศิริ โทร081-5511746 



4. วัดทรายขาว                                                                                                                          ตั้งอยู่ หมู่ที่ .ทรายขาว .พาน .เชียงราย  ติดถนนพหลโยธิน สายเชียงราย-พะเยา เป็นวัดมหานิกาย เริ่มก่อสร้างขึ้นราว .2400โดยมีพ่อหนานอริยะ-แม่มัง ได้พาญาติพี่น้องอพยพครอบครัวจากบ้านเมืองลวงเหนือ .ดอยสะเก็ด .เชียงใหม่ มาตั้งภูมิลำเนาอยู่ริมลำห้วยทรายขาวตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “บ้านห้วยทรายขาว” .แม่หนาด .พาน .เชียงราย จนถึงพ.2436 พ่ออุ้ยตา-แม่อุ้ยป้อ อริยะมั่ง เป็นบุตรพ่อหนานอริยะ-แม่มั่ง เป็นผู้มีฐานะดีได้เสียสละกำลังทรัพย์เป็นผู้นำย้ายวัดทรายขาวมาตั้งที่อยู่ ปัจจุบัน



       วิหารนี้สร้างครอบวิหารเดิมเริ่มก่อสร้างวันที่  พฤศจิการยน ..๒๕๔๓ ด้วยเงินทุนของวัดและของผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาค ดำเนินการก่อสร้างโดยคณะกรรมการวัดทรายขาว ซึ่งมีกำนันวุฒิ  นราดุลย์ เป็นประธานกรรมการออกแบบคำนวนโดย กำนันวุฒิและคุณมีชัย  นราดุลย์ และได้ร่วมบริจาค
สมทบทุนเป็นเงินสิบล้านบาทเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่
       - 
คุณพ่อกำนันหมื่นชัย  นราดุลย์
       - คุณแม่บัวเขียว  นราดุลย์
       - คุณศรีสกุล  นราดุลย์
       - คุณบัวลอย  สุขเกษม
       - คุณบัวนาค  นราดุลย์
       - คุณอำพร  จันทรเขต
       - คุณครูนภา  ชัยมงคล
       - คุณวาณีย์  สุขไสบูลย์ 




                                                                       ภายในพระวิหาร


                                                              ศิลปะในแบบวัดมหานิกาย


                                รูปปั้นด้านหน้าของวัด  ด้านหนึ่งจะเป็นยักษ์  อีกด้านจะเป็นผีเสื้อสมุทร




                                                         มองเห็นทิวทัศน์หมู่บ้านทรายขาว



                                                                  ประตูทางเข้าวัด

การเดินทาง : จากเชียงรายใช้เส้นทาง เชียงราย-พะเยา ก่อนจะถึงตัวอำเภอพาน จะผ่านตำบลทรายขาว วัดทรายขาวตั้งเด่นเป็นสง่า อยู่ขวามือ หรือถ้ามาจากพะเยาก็เลยจากตัวอำเภอพานมาอีกนิด เมื่อถึงตำบลทรายขาว จะเห็นวัดอยู่ซ้ายมือ 


5. บ่อน้ำร้อนห้วยทรายขาว




         บ่อน้ำร้อนห้วยทรายขาว หรือ น้ำพุร้อนห้วยทรายขาว ตั้งอยู่ หมู่ที่ บ้านทรายขาว .ทรายขาว .พาน .เชียงราย ตั้งอยู่ในทางหลวงแหมายเลข ตอนต่อเขตแขงการทางพะเยาที่ 1 – แยกไปอำเภอแม่สรวย ระหว่าง กม793+228 – กม793+541 ทางด้านซ้าย อยู่ในบริเวณที่ราบลุ่ม มีลักษณะเป็นตะกอนน้ำ (Alluvial deposit) ซึ่งประกอบด้วยชั้นของหินทรายและดินที่ยังไม่จับตัวกันแน่น บริเวณแหล่งน้ำพุร้อนครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 16 ไร่ ติดถนนพหลโยธิน ทางด้านตะวันออก ลักษณะของแหล่งน้ำพุร้อนเป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ ที่ก่อเป็นบ่อซีเมนต์  บ่อน้ำร้อน บ่อน้ำอุ่น และบ่อน้ำเย็น
         บ่อทั้ง วางตัวอยู่ในแนวเกือบทิศเหนือ-ใต้ โดยบ่อน้ำเย็นอยู่ทางทิศเหนือของบ่อน้ำอุ่นและบ่อน้ำร้อน น้ำพุร้อนห้วยทรายขาวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีพื้นที่ติดกับถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นถนนสายหลักในการเดินทางสู่ภาคเหนือ และการเดินทางเข้าไปยังแหล่งน้ำพุร้อนห้วยทรายขาวเป็นไปอย่างสะดวก นอกจากนี้ประชากรส่วนใหญ่ยังนิยมในการท่องเที่ยวน้ำพุร้อน เนื่องจากมีความต้องการดื่ม อาบหรือแช่ลงในน้ำพุร้อน ซึ่งนอกจากจะทำให้ร่างกายสะอาด สดชื่น แล้วยังมีความเชื่อว่าสามารถบำบัดโรคบางชนิดได้ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบ่อน้ำร้อนห้วยทรายขาวเป็นกรรมสิทธิ์ของแขวงการทางเชียงราย กรมทางหลวง ทำให้องค์การบริหารส่วนตำบลทรายขาว ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว โดยปัจจุบันองค์การบริหารส่วนตำบลทรายขาว กำลังดำเนินเรื่องเพื่อขอบ่อน้ำร้อนคืนให้เป็นที่สาธารณะประโยชน์ของตำบลทรายขาว
สอบถามเพิ่มเติม 
1. 
องค์การบริหารส่วนตำบลทรายขาว โทร. 053-723-962
2. 
แขวงการทางเชียงราย โทร.053-711139
3. 
ททท.เชียงราย โทร053-717433         จากการที่บ่อน้ำร้อนห้วยทรายขาว ได้ถูกทิ้งร้างมานานกว่า ปี จนทหารทหารเชิญแขวงการทางฯ อบต.เคลียร์ทางออก เปิดทางทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ขณะที่ ททท.เตรียมจัดงบเพิ่มให้อีก เพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัด เนื่องจากมีบ่อน้ำร้อนทางธรรมชาติ 3-4 บ่อ อยู่ติดภูเขา และถนนสายสำคัญ แต่ที่ผ่านมาไม่สามารถพัฒนาได้ เพราะพื้นที่อยู่ในการดูแลของแขวงการทางเชียงรายที่ กรมทางหลวง ทำให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทรายขาว ไม่สามารถนำงบมาพัฒนาได้เต็มที่ ซึ่งเดิมพื้นที่นี้เป็นป่ารก เมื่อขับรถผ่านไปมาแทบไม่รู้ว่ามีบ่อน้ำร้อนตามธรรมชาติ กระทั่งทราบว่ามีปัญหาเรื่องการจะเข้าไปพัฒนายืดเยื้อมานานร่วม ปี เพราะความไม่เข้าใจกันระหว่าง หน่วยงาน แต่ขณะนี้ได้มีการพูดคุยกันจนเป็นที่เข้าใจแล้ว และถือเป็นเรื่องที่ดีมากที่สามารถเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเชียงราย ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของความสามัคคีที่ทำให้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้นมาได้
          ส่วนท้องถิ่นได้เข้ามาปรับภูมิทัศน์ จัดแสดงสินค้าท้องถิ่น ฯลฯ ในที่ดินที่ยังคงอยู่ในการดูแลของแขวงการทางเชียงรายที่ เหมือนเดิม ขณะที่ในปี 2558 ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็มีโครงการจะเข้าไปดำเนินโครงการปรับภูมิทัศน์บ่อน้ำร้อนห้วยทรายขาวด้วยงบประมาณ 10 ล้านบาทต่อไปด้วย

       “
จากนี้ไปนักท่องเที่ยว หรือคนที่เดินทางผ่าน สามารถเข้าไปใช้บริการทั้งแวะพักผ่อน ชม และแช่น้ำร้อนได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
       แขวงการทางจังหวัดเชียงรายที่  ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตำบลทรายขาว ดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ดินสงวนนอกเขตทางน้ำพุร้อนห้วยทรายขาว เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย และให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาใช้ประโยชน์ โดยมีกำหนดพิธีเปิดที่พักริมทางน้ำพุร้อนห้วยทรายขาว ในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐  บริเวณน้ำพุร้อนห้วยทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย


       ในพิธีเปิดมีการแสดงตีกลองสะบัดชัยจากนักเรียน และการแสดงฟ้อนเล็บจากกลุ่มแม่บ้านทรายขาว มีการจัดนิทรรศการและจัดซุ้มแสดงสินค้าและบริการต่างๆ ในบริเวณที่พักริมทาง




       



         อบต.ทรายขาว ร่วมกับแขวงการทางเชียงรายที่ เปิดที่พักริมทางเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวหลังปรับปรุงให้ภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบให้สวยงาม
องค์การบริหารส่วนตำบลทรายขาว อำเภอพานเชียงราย ร่วมกับแขวงการทางเชียงรายที่ จัดโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบสามมารถเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ร่วมกันได้ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาบริเวณที่พักริมทางบ่อน้ำร้อนห้วยทรายขาว ริมถนนสายเชียงราย อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย
          เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2557 พลตรีพัฒนา มาตร์มงคล ผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดทหารบกเชียงราย พร้อมด้วยนายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ ผู้อำนวยการแขวงการทางเชียงรายที่ และนายทรงเพชร ใจทน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ร่วมกันทำพิธีเปิดที่พักริมทางบ่อน้ำร้อนห้วยทรายขาว  ที่ดินสงวนนอกเขตทาง บ้านห้วยทรายขาว ตำบลทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย โดยมีส่วนราชการ ภาคเอกชน ประชาชน ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน ร่วมพิธีเปิดจำนวนมาก เพื่อเป็นที่พักและเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ หลังจากที่ทางแขวงการทางเชียงรายที่ ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตลอดจนประชาชนในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียง ให้ความสำคัญช่วยกันปรับปรุงที่พักริมทางบ่อน้ำร้อนห้วยทรายขาว โดยใช้งบประมาณก่อสร้างปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวจากแขวงการทางเชียงรายที่ ในปีงบประมาณ 2558 โดยให้ดำเนินการตามเงื่อนไขของกรมทางหลวง จึงให้องค์การบริหารส่วนตำบลทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ใช้พื้นที่บางส่วนบริเวณบ่อน้ำร้อนทรายขาว ริมถนนสายเชียงราย พะเยา หมู่ที่ บ้านห้วยทรายขาว ตำบลห้วยทรายขาว และได้เข้ามาปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณดังกล่าว เพื่อให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวทั่วไปได้เข้าไปใช้ประโยชน์ร่วมกัน เป็นการส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นในชุมชน ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เป็นที่พักริมทางของนักท่องเที่ยวและใช้เส้นทางโดยทั่วไป อีกด้วย









ข้อมูลติดต่อ : 1. องค์การบริหารส่วนตำบลทรายขาว โทร. 053-723-962
                       2.
แขวงการทางเชียงราย โทร.053-711139
การเดินทาง : จากเชียงราย เดินทางไปตามถนนพหลโยธิน เชียงราย-พะเยา บ่อน้ำร้อนห้วยทรายขาว จะตั้งอยู่ในทางหลวงแหมายเลข ตอนต่อเขตแขงการทางพะเยาที่ 1 – แยกไปอำเภอแม่สรวย ระหว่าง กม.793+228 – กม793+541 ทางด้านซ้าย อยู่ห่างจากเชียงรายประมาณ 37 กม.



6. ศาลพระเจ้าจี้กง


         
         ศาลพระเจ้าจี้กง ตั้งอยู่ ณ หมู่ 15 บ้านวังชมภู ตำบลม่วงคำ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เป็นรูปหล่อพระจี้กง ขนาดกว้าง 7.6 เมตร สูง 8.8 เมตร น้ำหนัก ตัน หล่อด้วยทองสำริด และได้ทำพิธีเบิกเนตรเปิดศาล วันที่ 13 เมษายน 2546         เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่อันศักดิ์สิทธ์และน่าชื่นชมแห่งนี้แล้ว สิ่งแรกที่จะเห็นคือเสาสีแดงที่สูงตระหง่านตั้งอยู่หน้าบันไดทางขึ้น จำนวนเสา เสา ซึ่งเสาแต่ละต้นจะมีตัวอักษรติดไว้ โดยแต่ละเสาจะมีความสูงแตกต่างกันไปด้วย ซึ่งเรียกว่า "ประตูสวรรค์" และบุคคลที่ได้มาครั้งแรกนั้นต้องเดินเข้าทางประตูสวรรค์แห่งนี้ และเดินขึ้นไปตามบันไดซึ่งมีทั้งหมด 108 ขั้น และสองข้างทางบันไดจะมีซุ้มสำหรับนั่งพักผ่อนและชมวิว ซึ่งมีความสวยงามมาก เมื่อเดินขันไปถึงหน้าศาลเราก็จะเห็นศาลอันเป็นที่ประดิษฐานของพระอาจารย์เต้าจี้ มีลักษณะเป็นอาคารสูงทรงจีน มีทั้งหมด ชั้น ด้วยกันภายในชั้นบนจะเป็นที่ประทับของพระอาจารย์เต้าจี้ ส่วนชั้นล่างก็จะเป็นที่สำหรับประกอบพิธีกรรมของคณะศิษยานุศิษย์และสาธุชนทั่วไป และทางขวามือก็จะเป็นที่สำหรับเก็บรักรักษาป้ายบรรพบุรุษและคณะศรัทราที่มาจองไว้ ซึ่งอยู่ชั้นล่างส่วนชั้นบนนั้นเป็นที่พักของคณะศรัทราที่มาพักเพื่อรอมาทำพิธีกรรมในวันสำคัญต่างๆ
          เมื่อเข้ามาชมสถานที่แห่งนี้ซึ่งเรียกอาคารแห่งนี้ว่า “หน่ำพิ้งฮง” และทางซ้ายมือก็จะเป็นศาลเจ้าเล็กๆ ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่ก่อตั้งเป็นหลังแรก ส่วนบริเวณโดยรอบของศาลเจ้านั้นจะเป็นแนวภูเขาซึ่งทอดเป็นแนวยาวอยู่ทางด้านหลัวของศาลเจ้าประกอบกับจะมีไร่นาและสวน ซึ่งความเป็นธรรมชาติไว้อย่างลงตัว

ประตูสวรรค์





ห้องเซียมซี






ข้อมูลติดต่อ : องค์การบริหารส่วนตำบลม่วงคำ โทร. 053-635227-8
การเดินทาง : จาก อ.พาน จ.เชียงราย แยกจาก ถ.พหลโยธิน ไปตามถนนเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยหลวงและน้ำตกปูแกง เป็นระยะทาง กิโลเมตร



7. อุทยานแห่งชาติดอยหลวง  น้ำตกปูแกง


ประวัติความเป็นมาของน้ำตกปูแกง
        น้ำตกปูแกงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในอำเภอพาน ซึ่งตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติดอยหลวง เป็นน้ำตกที่มีการทับถมของหินปูนที่ปนมากับน้ำ ทำให้เกิดหินงอกหินย้อย และถ้ำมากมายในบริเวณน้ำตก เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมากแห่งหนึ่ง มีจำนวน ชั้น สถานที่ท่องเที่ยวอำเภอพานแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณบ้านปูแกง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย โดยปกติจะมีราษฎรในท้องถิ่นเดินทางไปเที่ยวพักผ่อนอยู่เป็นประจำ
        
น้ำตกปูแกงเป็นอุทยานแห่งชาติดอยหลวง สถานที่ท่องเที่ยวอำเภอพานแห่งนี้มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอแม่สรวย อำเภอพาน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง และอำเภอแม่ใจ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา มีเนื้อที่ ๗๓๑,๒๕๐ ไร่

   
    
        สภาพภูมิประเทศของสถานที่ท่องเที่ยวอำเภอพานแห่งนี้เป็นเขาสูง มีดอยหลวงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ประกอบด้วยป่าสน ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง และป่าเต็งรัง ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์มีความอุ้มน้ำสูง ทำให้ลำห้วยและน้ำตกในอุทยานฯ มีน้ำไหลตลอดปี

ลักษณะภูมิอากาศ
    
ประกอบไปด้วยฤดูกาล ฤดูกาล คือ
       - 
ฤดูร้อน    ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม
       - 
ฤดูฝน      ระหว่างเดือน มิถุนายน – ตุลาคม
       - 
ฤดูหนาว  ระหว่างเดือน พฤศจิกายน – มกราคม



        สถานที่ท่องเที่ยวอำเภอพานแห่งนี้(อุทยานฯ) ยังมีสัตว์ป่า เช่น หมี กวาง เก้ง เลียงผา และนกหลายชนิด เช่น นกเงือก นกพญาไฟพันธุ์เหนือ นกปีกลายสก๊อต นกกางเขนหัวขาวท้ายแดง นกศิวะปีกสีฟ้า และนกย้ายถิ่นหายาก เช่น นกกินปลีหางยาวคอสีฟ้า นกกินปลีหางยาวคอสีดำ เป็นต้น นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวอำเภอพานแห่งนี้จะมีความสมบูรณ์ของป่าที่ให้ความร่มรื่น ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ มี น้ำตกปูแกง สูง ชั้น ในยามค่ำคืนจะได้ยินเสียงน้ำตกไหลกระทบหิน
        
สถานที่ท่องเที่ยวอำเภอพานแห่งนี้ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติน้ำตกปูแกง ระยะทาง 1,500 เมตร ตามเส้นทางจะมีป้ายสื่อความหมายตามจุดต่าง ๆ ที่จะให้ความรู้แก่นักเดินป่าได้ เส้นทางเดินไม่ลาดชัน เดินสบาย และนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักค้างแรม อุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์บริการ









การเดินทาง : สถานที่ท่องเที่ยวอำเภอพานแห่งนี้ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (เชียงราย-พะเยา) ไป 58 กิโลเมตร ถึงบ้านปูแกง บริเวณ กิโลเมตรที่ 773 เลี้ยวขวาไปอีก กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ
สอบถามละเอียด โทร. 
053609042





ที่มา  WWW.CHIANGRAIFOCUS.COM
         ผู้จัดการออนไลน์


ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น